วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันที่ 1 เดินทางจากกรุงเทพฯ / หาดใหญ่ สู่กัวลาลัมเปอร์ และต่อเครื่องไป Surabaya

ทริปนี้เมาะณีกับบังเละเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ส่วนหลวงไข่กับป้าอ้อยเดินทางจากหาดใหญ่แต่ไปเจอกันที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ LCCT

แล้วก็จะต่อเครื่องไปเมื่องสุราบายา ซึ่งอยู่ค่อนไปทางทิศตะวันออกของเกาะชวาครับ พวกเราเดินทางด้วยแอร์เอเชียเที่ยวบิน QZ 7614 เวลา 16:15 น.ตามเวลาท้องถิ่นของมาเลย์เซียซึ่งเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 1 ชั่วโมง และถึงสุราบายาเวลา 17:55 น. แต่ที่อินโดนีเซียเกาะชวาจะใช้เวลาเดียวกับประเทศไทย ภาพที่เห็นข้างบนคือตอนรออยู่ในเกทก่อนขึ้นเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ครับ

มาถึงสนาบินสุราบายาก็ค่ำแล้วครับ ถึงแม้จะเป็นเวลา 17:55 น. เท่าประเทศไทย แต่ที่สุราบายา เป็นเมืองที่อยู่ค่อนไปทางตะวันออกของเกาะชวาก็เลยค่ำเร็วครับ แล้วก็ออกมาผ่าน ตม. ที่สนามบินสุราบายา ตม.ที่นี่ต้องสแกนลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐานด้วยครับ

ผ่าน ตม. เสร็จแล้วก็ออกมาหาแท็กซี่ข้างนอก มีทั้งแท็กซี่แบบรถธรรมดาส่วนบุคคลแล้วก็แท็กซี่สังกัดบริษัทเรียกหาลูกค้าอยู่เต็มไปหมด แต่เราจะไปกับรถแท็กซี่สังกัดบริษัมที่ไว้ใจได้มากกว่า ซึ่งเราจะต้องไปซื้อตั๋วแท็กซี่ ก็จะได้คูปองดังรูปข้างบนนี้ บอกสถานที่ที่เราจะไป ราคาจะตายตัวไม่ต้องต่อรองราคาให้เมื่อตุ้ม ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกครับ พวกเราจ่ายค่าแท็กซี่ 84,000 Rp ก็หารกัน 4 คนเหลือแค่คนละ 21,000 Rp เงินไทยประมาณคนละ 80 บาท ก็ถือว่าไม่แพงครับ

ข้อควรระวัง เวลาไปซื้อคูปองแท็กซี่ไม่ควรบอกจำนวนว่ามีกี่คน ให้บอกเฉพาะสถานที่ที่เราจะไปก็พอครับ ผมไปบอกจำนวนคน เขาเห็นว่าเป็นชาวต่างประเทศก็เลยจะให้เราซื้อคูปองแท็กซี่สองคัน เพราะมี 4 คน ผมบอกว่าผมแยกกันไม่ได้ ต้องไปด้วยกัน ตอนแรกมันก็ไม่ยอม จะให้ซื้อสองคันให้ได้เราทำท่าว่าจะไม่ไปจะไปหาเอาข้างนอก สุดท้ายมันก็เลยยอม ซื้อคูปองแท็กซี่เสร็จแล้วก็เอาไปให้แท็กซี่คันที่รอตามคิวเขาอยู่ คันสีฟ้า ที่นี่เขาเรียกแท็กซี่พรีม่า (น่าจะประมาณบริษัทในเครือของแท็กซี่บลูเบิร์ด ที่เป็นที่นิยมกันครับ) ก่อนขึ้นแท็กซี่มีตาลุงคนหนึ่งมาขายซิมโทรศัพท์มือถือพวกเรา เราก็ซื้อไว้อันหนึ่ง ของบริษัท XL ราคา 20,000 Rp ไว้โทรกลับบ้าน ในยามจำเป็นครับ แต่ต้องเติมตังค์ก่อนที่ร้านค้าทั่วไป เวลาเติมตังค์มือถือที่นี่เขาเรียกว่าปุลซ่านะครับ (Pulsa)
ออกจากสนามบินมา แท็กซี่ก็ถามว่าจะขึ้นทางด่วนหรือเปล่า เราก็เลยขึ้นเพราะจะได้รวดเร็ว ค่าทางด่วนจ่าย 2 รอบครับ รอบแรกจ่าย 5,500 Rp รอบที่สองจ่าย 2,500 Rp ครับผม ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีถึงโรงแรม ซาเตอลิท ที่เราจองไว้กับอโกด้านะครับ

โรงแรม สามดาว คืนละ 900 บาทนิดๆ ดูในรูปไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่น ที่จองไปเพราะเราไปถึงค่ำเกรงว่จะหาโรงแรมลำบาก แต่พอไปถึง โอ้โห มันไฮโซมากครับโรงแรมนี้ ไม่ธรรมดาเลย มีหลายชั้นมากครับ ตกแต่งสวยหรูงามตามาก

เช็คอินเสร็จแล้วก็เข้าห้องครับ สภาพห้องก่อนโดนทำมิดีมิร้ายครับ สะอาดมาก เตียงกว้าง น่าจะนอนได้สักสองคนแต่ละเตียง

เก็บข้าวของเสร็จแล้วก็ออกมาเดินข้างนอกกันครับ รูปนี้คือระเบียงของชั้นที่เราอยู่ และบันไดระหว่างชั้นถ้าไม่ใช้ลิฟท์ครับ

ตรงล็อบบี้โรงแรมมี Wi-Fi ให้เล่นฟรีครับ ใครมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เอาไช้ได้เลยครับ แต่ต้องขอพาสเวิร์ดจากรีเซ็ปชั่นก่อนล็อกอินใช้งานนะครับ รูปนี้อยู่ตรงล็อบบี้โรงแรมครับ

ด้านหน้าโรงแรมครับ มีรถเกวียนเทียมม้าคันใหญ่จอดโชว์อยู่ สามคนในรูปเห็นอดใจไม่ไหวขอถ่ายรูปทันที ตากล้องก็เลยไม่ขัดครับ แต่มายืนสวัสดีใครอยู่ก็ไม่รู้สามคนนี้ ติ๊งต๊องว่ะ พนักงานโรงแรมเห็นก็หัวเราะพวกเราใหญ่เลย
ด้านข้างโรงแรมเดินออกมา 1 นาที จะเจอห้างใหญ่ชื่อ Giant สามารถเข้าไปหาของกินได้ในนั้นครับ

ภายในห้างตกแต่งดูดีสะอาดตา บังเละของเราไม่รอช้าครับ รี่ตรงไปยังที่เขาขายอาหารทันที ในห้างนี้มีที่นั่งให้กินข้าวในห้างได้เลย

อาหารตามสั่งก็มีครับ อันนี้ข้าวผัดไก่ทอด Nasi Goreng Ayam ราคาจานละ 8,000 Rp ไม่แพงครับ แต่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ กินกันเสียชีวิตครับประทังไปก่อนหนึ่งมื้อ อาหารอร่อยค่อยหาวันหลัง

บังเละกับเมาะณีเห็นปูตัวนี้แล้วอยากกินมากก็เลยซื้อตัวละ 25,000 Rp ประมาณ 100 บาทไทย พนักงานเลยแกะจากกล่องโฟมใส่จานให้ แต่ไม่มีที่คีบก้ามปูให้ เลยต้องมานั่งกัดกันเอง

กัดจนหัวสั่นก็ยังไม่ออก แข็งมาก ปูอะไรเนี่ย อย่างกะหิน ฟันแทบหัก เมาะณีบอก แต่เนื้อนิดเดียวเอง

บังเละก็กินอย่างเอร็ดอร่อย แต่หลวงไข่กับป้าอ้อยไม่กินครับ ได้แต่นั่งมอง เพราะไม่อยากฟันหัก เอิ๊กๆๆๆๆ

กินเสร็จแล้วก็ซื้อของกินของใช้ในห้างแล้วเดินกลับโรงแรม ห้างนี้ปิดตอน 4 ทุ่ม พวกเราเดินเลือกซื้อของจนเพลินลืมดูเวลา เขาไม่ปิดไฟไล่ก็เลยไม่รู้ มารู้อีกทีพนักงานรออยู่เต็มเลยด้านหน้ารอให้พวกเราซื้อเสร็จ ตกใจมาก สงสารเขาเหมือนกัน แต่เขาบอกไม่เป็นไร น่ารักจริงครับคนอินโดนีเซีย อย่างนี้แหละครับนิสัยคนเอเชีย เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ให้เกียรติผู้อื่นที่เป็นแขกต่างบ้านต่างเมือง พอรู้ว่าเรามาจากเมืองไทย ชวนคุยใหญ่เลย แต่คุณป้าพูดอินโดใส่เป็นชุด เมาะณีเลยรับกรรมไปเต็มๆ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็มาแปลให้เราฟัง อิๆๆๆ ฮาดี ชีวิตครบรส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น