วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันที่ 6 เที่ยววังสุลต่าน พระราชวังน้ำ ช็อปปิ้งเมืองย็อกยาการ์ตา

วันรุ่งขึ้นตื่นสายหน่อยครับ เพราะเหนื่อยจากทริปมาตลอดหลายวันแล้ว วันนี้ก็วางแผนกะจะเที่ยววังสุลต่านและพระราชวังน้ำ (Taman Sari) แล้วจะกลับมาช็อปปิ้งซื้อของฝากครับผม

แต่ตังค์ที่เราแลกมาเกือบหมดแล้วเลยต้องหาที่แลกใหม่ พี่ไกด์ที่พาเราไปทริปเมื่อวานแนะนำเราให้ไปแลกที่ร้านชื่อ Mulia เพราะเป็นร้านใหญ่และให้เรทดีกว่าที่อื่น อันนี้ไม่แน่ใจว่าดีกว่าที่อื่นจริงหรือเปล่า แต่ไกด์ท้องถิ่นแนะนำมาเพราะเขาก็แลกกันที่นี่เลยคิดว่าน่าจะดีกว่าที่อื่นครับ ร้านมูเลีย อยู่บนถนน Maliobro ออกจากประตูโรงแรมเลี้ยวขวา เดินตามถนน 100 เมตร เจอ 4 แยกก็เลี้ยวขวาเข้าถนน Malioboro ครับ เดินตามถนน Malioboro ไปประมาณ 100 เมตรก็จะเห็นโรงแรม Garuda Hotel อยู่ด้านซ้ายมือเราครับ แล้วร้าน Mulia ที่แลกเงินนี้ก็อยู่ด้านหน้าภายในรั้วโรงแรมเลยครับ เห็นมีคนอินโดนีเซียไปแลกตังค์เยอะมากๆครับ

แลกตังค์เสร็จแล้วก็เดินตามถนน Malioboro ลงไปเรื่อยๆครับ เจออีก 4 แยกก็จะเห็นอนุสาวรีย์นี้นะครับ Monumen Serangan Umum แต่เข้าไปข้างในไม่ได้เขากั้นรั้วไว้ครับ น่าจะเกียวกับการกู้ชาติบ้านเมืองครับ แปลไม่ถูกภาษาอินโด

ด้านหน้าอนุสาวรีย์มีแผงขายเจ้าสิ่งนี้ด้วย มองไม่ออกว่ามันคืออะไร น่าจะเอาไปประดับบ้านเฉยๆมั้งครับ

กำลังจะข้ามถนนครับ รถที่นี่เยอะจริงๆ ไม่ค่อยจอดให้คนข้ามด้วย ต้องระวังกันเป็นพิเศษเลยครับ บรรยากาศของเมืองย็อกยากการ์ตาครับ
สามล้อถีบโดยสารที่นี่มีเยอะมากๆครับ เรียกว่า เบจัก (Becak)

เดินลงล่างไปอีกเรื่อยๆไม่ได้เเลี้ยวที่ไหน เจอลานกว้างๆ น่าจะใช้เป็นที่จัดงานอะไรบางอย่างแต่หมดไปแล้ว เหลือเพียงร่องรอยเอาไว้ เห็นป้ายย็อกยาการ์ตา คาร์นิวาล

ก่อนถึงวังสุลต่านมีพิพิธภัณฑ์อยู่ด้านหน้าด้วยครับ แต่ไม่ได้เข้าไปชม

แผงขายของที่ระลึกบนฟุตบาท ก่อนทางเข้าวังสุลต่านครับ

เดินเข้าไปข้างในวังสุลต่าน จ่ายค่าเข้าชมคนละ 12,500 Rp ก็จะได้สติ๊กเกอร์แบบนี้มาครับ เป็นลัญลักษณ์ประจำตัวขององค์สุลต่านครับ เป็นตัวอักษรภาษาชวา ชื่อองค์สุลต่านจะเหมือนกันหมดครับคือ Hamengkubuwono แปลว่าทุกอย่างในจักรวาลอยู่บนตักของพระราชา ครับ อันนี้ไกด์เขาบอกมาอีกที จ่ายตังค์ค่าเข้าชมเสร็จแล้ว เขาก็ชี้ให้เราเดินไปหาไกด์ครับ เป็นคุณป้าท่านหนึ่งทำงานในวังสุลต่านครับ

ลืมบอกไปครับว่าต้องมีค่ากล้องถ่ายรูปด้วยนะครับ โชว์กี้กล้องจ่ายหมดเลยนะครับ ตัวละ 1,000 Rp อีกแล้วครับ
ยังไม่ทันเข้าไปในวัง คุณป้าไกด์พาเราเดินเข้ามาชมวงดนตรี Gamela ของอินโดเขาครับ ป้าๆ ลุงๆ ที่แต่งชุดดำนี้คือคนที่อาสาเข้ามาทำงานในวังสุลต่านครับ จะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความถัดของแต่ละคนครับ

อีกภาพครับ อันนี้ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร เป็นลูกๆ จะเห็นได้ว่าเบื้องหลังในภาพนี้เป็นเก้าอี้นั่งให้ชมการแสดงได้ครับ

แถมอีกรูปครับ จะได้เห็นภาพรวมๆ ป้าไกด์บอกว่าแต่ละวันจะมีการแสดงแตกต่างกันไป แต่อย่าไปวังสุลต่านวันศุกร์นะครับ เพราะจะไม่มีการแสดงอะไรให้ชมเลยครับ เราไปวันอาทิตย์มีแต่ กาเมลันให้ดูครับ วันอื่นก็มี วายังกูลิต (Wayang Kulit) ซึ่งคล้ายๆหนังตะลุงของทางปักษ์ใต้บ้านเราครับ แล้วก็มีระบำแบบชวาด้วยครับ สลับกันไป ในแต่ละวัน ยกเว้นวันศุกร์นะครับ
ยักษ์รักษาประตูทางเข้าวังสุลต่านครับ

ประตูทางเข้าวังครับ (ตั้งใจถ่ายป่ะเนี่ย ทำไมรูปมันเอียงซะ)

สัญลักษณ์ประจำองค์สุลต่านครับ Hamengkubuwono ตรงประตูทางเข้าครับ
คุณป้าคนนี้แหละครับ ไกด์ของเรา พาเราเดิน อธิบายอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด

ตึกนี้เป็นที่ประทับขององค์สุลต่านองค์ปัจจุบันนะครับ

ลานกว้างในวังสุลต่านครับ เขาห้ามเข้าไปนะครับ ชมได้อย่างเดียว

อึกมุมหนึ่งบรรดาลุงๆที่ทำงานในวังสุลต่าน ป้าไกด์บอกว่าที่จริงไม่ได้ทำอะไรเลย มานั่งเฉยๆ แล้วแต่คนว่าจะทำอะไรให้สุลต่านได้ ทำอาหาร ทำครัว ก็ได้ ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็จะมาอยู่เฉยๆแบบนี้ครับ องค์สุลต่านรับไว้หมดเลยครับ

อีกตึกหนึ่งป้าไกด์พาชมพิพิธภัณฑ์ของผ้าบาติกครับ ซึ่งผ้าแต่ละลายก็ต้องใช้เนื่องในโอกาสที่แตกต่างกันครับ
อันนี้ชุดสำหรับเด็กผู้ชายที่ผ่านการทำพิธีเข้าสุหนัดครับ

ป้าอ้อยครับ ไม่ได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในวังสุลต่าน แต่มาชมวังสุลต่านครับ กลัวไม่มีรูปเลยจัดให้ไว้เป็นที่ระทึกครับ อ้อลืบอกไป ไกด์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ในวังไม่มีค่าบริการ แต่ควรให้ทิปเขาสักนิดก็ยังดีครับ เพราะเป็นสินน้ำใจพาเราชม ไม่มีไกด์นี่ไปไม่ถูกครับ

ชมวังสุลต่านเสร็จแล้วก็เดินออกมาตรงทางที่เขาเขียนว่าเป็นทางออก เจอรถเบจักเต็มเลยครับ เชื้อเชิญให้พวกเราขึ้นจะพาไปพระราชวังน้ำ (Taman Sari) แต่เราไม่ไปครับ อยากเดินเอง มากางแผนที่ออกดูต้องเดินกลับไปทางเข้ามันจะใกล้กว่า ครับ ถ้าทางนี้ต้องนั่งเบจักจริงๆ

เดินออกไปตามทางที่เราเดินเข้ามาตอนแรกที่มีร้านขายของบนฟุตบาต แล้วก็เดินต่อไปอีกครับ ถามคนเราเรื่อยๆ ว่า Taman Sari ไปทางไหน เดี๋ยวเขาก็ชี้ให้เองครับ แต่อย่าถามคนถีบเบจักเชียวนะ เดี๋ยวจะโดนเชื้อเชิญให้ไปกับพวกเขาจนน่ารำคาญ เจอร้านขายเสื้อผ้าพิมพ์ลาย สวยดี แต่แพงครับร้านนี้

ผ่านตลาดนกครับ Bird Market

สักพักก็ถึงพระราชวังน้ำครับ (Taman Sari) เป็นที่อาบน้ำของสุลต่านเมื่อก่อน มีไกด์ดักรออีกแล้วครับ เราไม่เอาไกด์ครับ

ซื้อตั๋วค่าเข้าชมคนละ 7,000 Rp ครับ

ค่ากล้องถ่ายรูปอีกตัวละ 1,000 Rp ครับผม

เดินเข้ามาข้างใน เห็นสีของน้ำสะท้อนแสงแดดสวยครับ

ด้านซ้ายมือมองไปเห็นแบบนี้นะครับ

มองตรงไปด้านหน้าครับ

แถมอีกรูป บริเวณเดียวกับด้านซ้ายเมื่อกี้ครับ

เข้าไปข้างในครับ เป็นลานกว้างๆ ไม่มีอะไร

ด้านขวามือมีร้านขายรูปภาพเขียนด้วยครับ

แล้วก็มีรถเข็นขายลอดช่องครับ ลอดช่องสีเขียวเหมือนบ้านเราเด๊ะเลย แต่ใส่น้ำเชื่อมรสชาติเหมือนน้ำตาลมะพร้าวครับ ใส่น้ำแข็งด้วย ชื่นใจครับ แก้วละ 3,000 Rp ครับ
เดินมาก็มากแล้วครับวันนี้ เพิ่งรู้สึกว่าสังขารมันไม่ไหว ขากลับเลยตัดสินใจนั่งเบจักกลับโรงแรมครับ แผนการณ์ช็อปปิ้งยกเลิกครับ ลุงบอกโรงแรมเราอยู่ไกล คิดราคา 25,000 Rp ต่อคัน เราต่อ เหลือ 20,000 Rp ก็ทำท่าบนนิดๆ แต่ก็ยอมครับ

กว่าจะถึงโรงแรม นานมากครับ ลุงแกก็คงเหนื่อย ได้ยินเสียงแกหอบด้วยครับ มีบางช่วงขึ้นเนินด้วยต้องลงมาเข็นเรา ปั่นไม่ไหว พอมาถึงโรงแรม เราเลยให้ 25,000 Rp ครับ ตามราคาที่แกบอกแต่แรก สงสารแก

มาถึงโรงแรม รู้สึกไม่สบายครับ ดีที่เอายาพาราติดตัวมาด้วย เลยนอนพักซะหน่อย ตื่นมาตอนบ่ายฝนลงหนักมากเลยครับ

ก็เลยสั่งข้าวเที่ยงกินที่โรงแรมซะเลย นำทีมโดยป้าอ้อยครับ

อันนี้ข้าวผัดไก่ทอด ของหลวงไข่ครับ จานละ 20,000 Rp ไม่รวมภาษีอีก 10% ครับ อร่อย ให้เยอะมากๆๆๆๆ


อันนี้ของบังเละครับเรียกว่า ฝูย่งไห่ หรืออะไรเนี้ยแหละ ทำจากไข่ ใส่ซ้อส แปลกๆดี กินเสร็จก็นอนเลยครับ ตั้งแต่บ่าย ตอนค่ำๆก็เดินออกไปซื้อของฝากที่ Jalan Malioboro ครับ ไดที่ทับกระดาษรูปวัดพรัมบานันกับบุโรพุทโธมาหลายอัน อันละ 25,000 Rp ไม่ลดซักนิดเลย เสียดายจัง ทำไม่ไม่ซื้อที่บุโรพุทโธเนี่ย เสื้อพิมพ์ลายย็อกยาการ์ตาก็ตัวละ 25,000 Rp ไม่ลดซักร้านเลยครับ เฮ้อ หมดไปหลายตังค์เลย ค่าของฝาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น