คนนี้ป้าอ้อยครับสาวโคราช ติดเกาะสมุยอยู่หลายปีแล้ว เป็นคนคอยจดจำรายละเอียดค่าใช้จ่ายทุกอย่างตลอดทริป ภาพนี้ถ่ายตรงม้านั่งข้าง Cemara Indah Resort ที่เราไปพัก ซึ่งจะมองเห็นวิว ภูเขาไฟโบรโม่ชัดเจนจากตรงนี้ครับ
วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553
เตรียมตัวก่อนการเดินทาง ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่บล็อก Bromo-Borobudur ครับ
คนนี้ป้าอ้อยครับสาวโคราช ติดเกาะสมุยอยู่หลายปีแล้ว เป็นคนคอยจดจำรายละเอียดค่าใช้จ่ายทุกอย่างตลอดทริป ภาพนี้ถ่ายตรงม้านั่งข้าง Cemara Indah Resort ที่เราไปพัก ซึ่งจะมองเห็นวิว ภูเขาไฟโบรโม่ชัดเจนจากตรงนี้ครับ
วันที่ 1 เดินทางจากกรุงเทพฯ / หาดใหญ่ สู่กัวลาลัมเปอร์ และต่อเครื่องไป Surabaya
กินเสร็จแล้วก็ซื้อของกินของใช้ในห้างแล้วเดินกลับโรงแรม ห้างนี้ปิดตอน 4 ทุ่ม พวกเราเดินเลือกซื้อของจนเพลินลืมดูเวลา เขาไม่ปิดไฟไล่ก็เลยไม่รู้ มารู้อีกทีพนักงานรออยู่เต็มเลยด้านหน้ารอให้พวกเราซื้อเสร็จ ตกใจมาก สงสารเขาเหมือนกัน แต่เขาบอกไม่เป็นไร น่ารักจริงครับคนอินโดนีเซีย อย่างนี้แหละครับนิสัยคนเอเชีย เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ให้เกียรติผู้อื่นที่เป็นแขกต่างบ้านต่างเมือง พอรู้ว่าเรามาจากเมืองไทย ชวนคุยใหญ่เลย แต่คุณป้าพูดอินโดใส่เป็นชุด เมาะณีเลยรับกรรมไปเต็มๆ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็มาแปลให้เราฟัง อิๆๆๆ ฮาดี ชีวิตครบรส
วันที่ 2 เที่ยวสวนสัตว์เมือง Surabaya เดินทางไปเมือง Probolinggo และ Cemoro Lawang
เสร็จแล้วก็เก็บกระเป๋า เช็คเอาท์จากโรงแรมตอนเช้า กะว่าจะไปเยี่ยมชมสวนสัตว์สุราบายาไปดูมังกรโคโมโดซะหน่อยก่อนจะไปโบรโม่ เพราะจะได้ไม่ต้องไปถึงเกาะโคโมโด ที่จังหวัดนูซาเต็งการา ของอินโดนีเซีย ถามพนักงานรีเซ็ปชั่น ได้คำตอบว่าถนน Jalan Mayjen Sungkono ไม่มีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่านครับ ก็เลยต้องนั่งแท็กซี่ไป พนักงงานเบลบอยโรงแรมเรียกแท็กซี่ที่รอสแตนบายอยู่ด้านนอกมารรับพวกเรา โหลดกระเป๋าสัมภาระไว้ด้านหลัง ขึ้นรถ มิเตอร์แท็กซี่เริ่มที่ 6,000 Rp ครับผม
นั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาทีก็ถึงสวนสัตว์สุราบายาครับ ค่าแท็กซี่ขึ้นมิเตอร์ที่ 44,000 Rp ลงจากรถแล้วก็ไปซื้อตั๋วค่าเข้าสวนสัตว์สุราบายา (ภาษาอินโดนีเซียเรียกว่า Kebun Binatang Surabaya : เคอบุน บินาตัง สุราบายา) ตั๋วราคาคนละ 15,000 Rp สวนสัตว์ตั้งอยู่ที่โวน็อกโรโม่ (Wonokromo) นะครับ อยู่แถบๆชานเมืองนิดๆ แต่ยังอยู่ในเขตเมืองครับ
รูปนี้เป็นรูปปั้นช้างน้อยหน้าสวนสัตว์ ที่เบื้องหลังเป็นอนุสาวรีย์เป็นฉลามกับจระเข้ เพราะสุรา ภาษาพื้นเมืองของชวา สุราแปลว่าฉลาม บายา แปลว่าจระเข้ครับ
ถ่ายรูปนอกสวนสัตว์จนพอใจแล้วก็เข้าไปในสวนสัตว์ครับ เจ้าหน้าที่บอกให้เราลากกระเป๋า เพราะแต่ละคนแบกเป้กันหลังแอ่น ตอนแรกนึกว่าฝากฟรี ที่แท้ก็เสียตังค์ครับ ค่าฝาก 5,000 Rp คุณลุงเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เห็นกะเหรียงสี่คนจากไทยแลนด์เดินดุ่มๆแบบไม่รู้จะเริ่มต้นจากจุดไหนเพราะสวนสัตว์ค่อนข้างใหญ่ แกเลยเอาแผนที่สวนสัตว์มาอธิบายให้เราดูครับ ใจดีจังเลย
จากจุดเริ่มต้นทีพวกเรายืนอยู่จะได้ยินเสียงร้องดังมากตลอดเวลาของเจ้าลิงตัวสีดำที่แอบอยู่ในรูป ครับ ถ่ายไม่ค่อยเห็นเพราะมันอยู่ไกลแต่ได้ยินเสียงหนวกหูเชียวครับ
ประทับใจเจ้าอูฐพวกนี้จัง มันดูสูงใหญ่สง่างามน่าเกรงขามดี สูงกว่าคนซะอีกเพิ่งเคยเห็นอูฐตัวเป็นๆเลยนะเนี่ย คงไม่ต้องไปเที่ยวดูไบแล้วมั้ง เมาะณีเขาซื้อถั่วลิสงที่ชาวบ้านเอามาขายผูกเป็นช่อที่หน้าสวนสัตว์ ช่อละ 5,000 Rp มาแจกเจ้าอูฐด้วย แต่พอมันอ้าปากรับ เมาะณีของเราก็กลัวครับวิ่งหนี ก็เลยต้องเป็นหน้าที่หลวงไข่ช่วยป้อนให้มัน (ที่จริงก็กลัวเหมือนกันครับ แต่ทำใจดีสู้อูฐครับ อิๆๆๆๆ)
รถบัสที่เราจะไป Probolinggo มองจากด้านข้างเป็นแบบนี้นะครับ เป็นของบริษัท TJIPTO ครับ
ถ่ายหน้าห้อง Standard Room ที่พวกเราอยู่ครับ (แว้ก....โดนบังเละขโมยซีนอยู่เบื้องหลัง)
เก็บข้าวของเสร็จก็ออกมาเดินเล่นกันครับ ถ่ายรูปยอะมากๆ สวยๆๆๆ หมายถึงวิวนะ ไม่ใช่คน (คนก็สวยจ้า เดี๋ยวน้อยใจอีก)
หลวงไข่กับป้ายชื่อโรงแรมครับ
เมาะณีในไร่ต้นหอม
เดินไปบริเวณรอบๆ ใกล้โรงแรมกะจะหาอะไรกิน แต่ไม่มีร้านอาหารเลยครับ มีแต่ร้านค้าธรรมดา หิวแล้วก็เดินกลับไปกินที่โรงแรมครับ เมนูอาหารของโรงแรมครับ
จานนี้ของหลวงไข่เองครับ Nasi Ayam Goreng Lalapan ข้าวไก่ทอดใส่ราดพริก อร่อยอย่าบอกใครครับตอนหิวๆถึงแม้จะเป็นไก่ทอดธรรมดา แต่น้ำราดพริกลาลาปันนั้นอร่อยจริงๆ รสชาติเดียวกับดาบูดาบู ตอนไปกินที่สุลาเวสีเลยครับ